วันที่ 31 มีนาคม 2568 เวลา 08.00 น. นายชานน วาสิกศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก เป็นประธานในพิธีวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้าประจำปี 2568 พร้อมด้วย หม่อมหลวงพรรณะเลิศ วาสิกศิริ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครนายก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก บรรดาข้าราชการตุลาการ อัยการ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน พนักงานฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกเหล่ากาชาด ณ หอประชุมสุพรรณิการ์ ชั้น 2 อาคารศูนย์อาหารปลอดภัยและนันทนาการบริการประชาชน ศาลากลางจังหวัดนครนายก
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ พ.ศ. 2368 ทรงมีพระบรมราชคุณูปการแก่ประเทศ และประชาชนในด้านต่าง ๆ อย่างมากมาย ดังจะเห็นได้จากด้านการต่างประเทศเมื่อเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัตินั้น บ้านเมืองเริ่มเผชิญปัญหาด้านสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศทั้งยุโรปและอเมริกา แต่ด้วยพระปรีชาญาณ อันสุขุมลึกซึ้ง ได้ทรงผ่อนปรนมิให้กระทบกระเทือนทั้งผลประโยชน์ของประเทศและสัมพันธไมตรีระหว่างกัน นโยบายหลักนี้เป็นแนวทางที่พระเจ้าแผ่นดิน ในรัชกาลต่อมา ทรงยึดถือและเจริญรอยตามเป็นผลให้ชาติไทย คงความเป็นเอกราชอยู่ได้ตราบจนปัจจุบัน
ด้านเศรษฐกิจ ทรงทำนุบำรุง การพาณิชย์นาวี ติดต่อค้าขายกับนานาประเทศ อย่างกว้างขวาง รายได้หลั่งไหลเข้าเป็นงบประมาณบำรุงแผ่นดินเต็มที่ ข้าราชการได้รับพระราชทาน เบี้ยหวัดเงินเดือนเป็นครั้งแรก ทรงเพิ่มพูนรายได้ของประเทศ ด้วยการปรับปรุงระบบการเก็บภาษีอากร ด้านการธำรงรักษาความมั่นคงของประเทศนั้น พระองค์ทรงทุ่มเท ป้องกันข้าศึกที่แผ่อิทธิพล เข้ามาทำลายความสงบสุขภายในหัวเมืองในพระราชอาณาเขต ด้วยการส่งกองทัพไปปราบปรามทำให้ข้าศึกหยุดยั้งลง ทรงทำลายฝิ่นซึ่งเป็นยาเสพติดร้ายแรงในสมัยนั้น ให้หมดไปจากประเทศ เพื่อป้องกันพสกนิกร ให้รอดพ้นจากความหายนะ ทรงจัดสรรพระราชทรัพย์ พระราชทานไว้ทำนุบำรุงพระอารามที่ยังค้างอยู่ให้สำเร็จ และพระราชทรัพย์ส่วนที่สำคัญที่สุด คือส่วนที่พระราชทานไว้แก่แผ่นดิน ซึ่งก็บรักษาไว้ในถุงแดง เป็นจำนานหลายหมื่นชั่ง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำมาเป็นค่าชดใช้ แลกเปลี่ยนอธิปไตยของชาติ ในกรณีพิพาทดินแดนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส เมื่อ รัตนโกสินทร์ศก 112 จึงอาจกล่าวได้ว่า ถ้ามิใช่พระมหากรุณาธิคุณ ที่พระราชทานพระราชทรัพย์ไว้แล้ว ชาวไทยทั้งมวลจะภาคภูมิ ในควานเป็นชาติเอกราช อย่างสง่าผ่าเผยเช่นปัจจุบันนี้มิได้ พระราชกรณียกิจตลอดเวลา 27 ปี แห่งการครองราชย์ ทรงสร้างสรรค์ คุณประโยชน์อเนกอนันต์อันเป็นรากฐาน แห่งความเจริญวัฒนาทั้งสิ้น
ลิ้งข่าว >> https://thainews.prd.go.th/thainews/news/view/1018419/?bid=1
